การเปิดบัญชี และ ออกรายงานงบการเงิน
สาระสำคัญประจำหน่วย
การเปิดบัญชีขั้นตอนสุดท้ายก่อนที่กิจการจะจัดทำงบการเงิน
ในการบันทึกรายการเปิดบันชีเป็นการสรุปผลการดำเนินการ จากยอดรวมของบัญชีรายได้ค่าใช้จ่าย
และแสดงฐานะการเงินจากบัญชีสินทรัพย์ หนี้สิน และส่วนของเจ้าของ
เมื่อสิ้นรอบบัญชีหรืองวดบัญชีโดยกิจการสามารถจัดทำงบการเงินอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง หรือตามที่กิจการกำหนด
เช่น 1 เดือน 3
เดือน 6 เดือน การจัดทำงบการเงินสามารถตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลทางหน้าจอก่อนพิมพ์
โดยตั้งค่าหน้ากระดาษ กำหนดรายละเอียดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหัวกระดาษหรือท้ากระดาษ เลขหน้า ขนาดกระดาษให้เหมาะสมกับข้อมูล เพื่อป้องกันข้อผิดพลาดก่อนการพิมพ์
ทำให้ไม่สิ้นเปลือง เป็นการประหยัดในการใช้ทรัพย์ยากรที่ดี
6.1 การบันทึกรายการเปิดบัญชี
การบันทึกรายการเปิดบัญชีในสมุดรายวันทั่วไป และผ่านรายการไปบัญชีแยกประเภทที่เกี่ยวข้อง
ขั้นตอนปิดบัญชีของธุรกิจบริการและกิจการซื้อขายสินค้ามีลักษณะที่คล้ายกัน เพียงแต่ธุรกิจซื้อขายสินค้าจะต้องบันทึกรายการปิดบัญชีที่เกี่ยวข้องกับต้นทุนสินค้าที่ขาย
(Cost Goods Sold) เมื่อเปิดบัญชีแล้วบัญชีประเภทรายได้
ค่าใช้จ่าย และบัญชีกำไรขาดทุน ซึ่งเป็นบัญชีชั่วคราว ณ
วันสิ้นสุดงวดบัญชีที่ถูกปิดไม่เหลือยอดอยู่ในบัญชี
6.1.1 ขั้นตอนบัญชีในสมุดรายวันทั่วไป
การเปิดบัญชีในสมุดรายวันทั่วไปของกิจการและธุรกิจ
ซื้อขาย มีลำดับขั้นตอนการเปิดบัญชี ดังนี้
ขั้น
|
ธุรกิจบริการ
|
ขั้น
|
ธุรกิจซื้อขายสินค้า
|
1
|
เปิดบัญชีรายได้เข้าบัญชีกำไรขาดทุน
เดบิตรายได้ XX
เครดิต กำไรขาดทุน XX
|
1
|
บันทึกสินค้าคงเหลือ(ต้นงวด) และเปิดบัญชี
เกี่ยวข้องกับต้นทุนขายด้านเดบิต
เดบิต
ต้นทุน XX
เครดิตสินค้าคงเหลือ(ต้นงวด) XX
ซื้อสินค้า XX
ค่าขนส่งเข้า XX
|
2
|
บันทึกรายการสินค้าคงเหลือ ปลายงวด ปิด
เกี่ยวข้องกับต้นทุนขายด้านเครดิต
เดบิต สินค้าคงเหลือ (ปลายงวด) XX
ส่งสินค้า
XX
ส่วนลดรับ
XX
เครดิต ต้นทุนขาย XX
|
||
2
|
เปิดบัญชีค่าใช้จ่ายเข้าบัญชีกำไรขาดทุน
เดบิต กำไรขาดทุน XX
เครดิต ค่าใช่จ่ายต่างๆ XX
|
3
|
ปิดบัญชีรายได้เข้าบัญชีกำไรขาดทุน
เดบิต
กำไรขาดทุน XX
รายได้อื่น XX
เครดิตกำไรขาดทุน XX
|
3
|
ปิดบัญชีกำไรขาดทุนเข้าบัญชีกำไรสะสม
(กรณีกำไรสุทธิ)
เดบิตกำไรขาดทุน XX
เครดิตทุน (หรือกกำไรสะสม) XX
(กรณีขาดทุนสุทธิ)
เดบิต ทุน (หรือกำไรสะสม) XX
เครดิต กำไรขาดทุน XX
|
4
|
เปิดบัญชีค่าใช้จ่ายและต้นทุนขาย (ผลต่าง)
เข้าบัญชีกำไรขาดทุน
เดบิต ขายสินค้า XX
เครดิตต้นทุนขาย
XX
รับคืนสินค้า XX
ส่วนลดรายจ่าย XX
ค่าใช่จ่ายต่างๆ
XX
|
4
|
ปิดบัญชีถอนใช้ส่วนตัว
(เจ้าของกิจการคนเดียว)
เดบิต ทุน XX
เครดิต ถอนใช้ส่วนตัว XX
|
5
|
เดบิต
กำไรขาดทุน XX
เครดิต กำไรสะสม XX
(กรณีขาดทุนสุทธิ)
เดบิต กำไร สะสม XX
เครดิต
กำไรขาดทุน XX
|
จากตัวอย่างจากตัวอย่าง
งบทดลองของร้านกิจไพศาล (หน่วยที่ 4 หน้า
ขั้นตอนในการปิดบัญชี
ในสมุดรายวันทั่วไป มีดังนี้
1. เปิดสมุดงานชื่อ Form2 และเพิ่มแผนงานชื่อ “ การเปิดบัญชี”
2. จัดเก็บสมุดงานใหม่ชื่อ Closing
3. บันทึกลงในการปิดบัญชีมี 5 ขั้นตอน
ขั้นตอนที่ 2 บันทึกสินค้าคงเหลือ (ปลายงวด) จำนวน 38,000 บาท และ
ปิดบัญชีเกี่ยวข้องกับต้นทุนด้านเครดิต
ขั้นตอนที่ 3
ปิดบัญชีรายได้จากการขายสินค้าเข้าบัญชีกำไรขาดทุน
ขั้นตอนที่ 4 ปิดบัญชีค่าใช่จ่ายต่างๆ และต้นทุนขาย (ผลต่าง) เข้าบัญชีกำไรขาดทุน
ขั้นตอนที่ 4 ปิดบัญชีค่าใช่จ่ายต่างๆ และต้นทุนขาย (ผลต่าง) เข้าบัญชีกำไรขาดทุน
เมื่อกิจการได้บันทึกปิดรายการได้และค่าใช้จ่ายในสมุดรายวันทั่วไปแล้ว
จะต้องผ่านรายการบัญชีแยกประเภททั่วไปทุกรายการ ซึ่งในการผ่านรายการบัญชีไปแยกประเภททั่วไปนั้น
ทำให้การอ้างอิงจาการจดบันทึกบัญชีในสมุดรายวันทั่วไป (ข้ามชีต) โดยปฏิบัติเช่นเดียวกับการบันทึกบัญชีในหน่วยที่
4 ดังนั้น บัญชีรายได้ ค่าใช้จ่าย กำไรขาดทุน และถอนใช้ส่วนตัว (ถ้ามี) ทุกบัญชีจะต้องรวมยอดด้านเดบิต
เท่ากับด้านเครดิต ดังภาพ 6.3
ขั้นตอนที่ 1 ปิดบัญชีสินค้าคงเหลือ (ต้นงวด) และบัญชีที่เกี่ยวข้องกับต้นทุนขายด้านเดบิต
ขั้นตอนที่ 1 ปิดบัญชีสินค้าคงเหลือ (ต้นงวด) และบัญชีที่เกี่ยวข้องกับต้นทุนขายด้านเดบิต
ขั้นตอนที่
2 บันทึกสินค้าคงเหลือ (ปลายงวด)
และปิดบัญชีที่เกี่ยวข้องกับต้นทุนขายด้านเครดิต
ขั้นตอนที่
3 ปิดบัญชีรายได้จากการขายสินค้าเข้าบัญชีกำไรขาดทุน
ขั้นตอนที่
4 ปิดบัญชีค่าใช้จ่ายต่างๆ และต้นทุนขาย
(ผลต่าง) เข้าบัญชีกำไรขาดทุน
ขั้นตอนที่
5 ปิดบัญชชีกำไรขาดทุนสุทธิเข้าบัญชีทุน
ส่วนบัญชีสินทรัพย์
หนี้สิน
สวนของเจ้าของ (ทุน) จะต้องหาผลต่างเพื่อแสดงยอดคงเหลือยกไปในงวดบัญชีถัดไป และจะแสดงยอดคงเหลือออกมมา
โดยสินทรัพย์มียอดคงเหลือ ด้านเดบิต หนี้สิน และ ส่วนของเจ้าของ (ทุน) มียอดคงเหลือด้านเครดิต
ขั้นตอนการปิดบัญชี ดังภาพ 6.4
ขั้นตอนที่ 1 ผลต่างยอดคงเหลือให้ตัวเลขไปใส่ไว้ด้านตรงข้าง แสดงเป็นยอดยกไปไว้วัน
สิ้นเดือนหรือสิ้นปี
โดยนำเมาส์มาวางไว้ที่ช่องจำนวนเงินด้านเครดิต ( J7) ใส่เครื่องหมาย =
คลิกที่เซลล์ C6 แล้ว
Enter จะปรากฏตัวเลข 32,805.00
|
ขั้นตอนที่ 2 รวมยอดด้วยเดบิตและเครดิตให้เท่ากัน
โดยนำเมาส์มาวางไวที่ช่องจำนวนเงินด้าน
เดบิต (E8) ใส่เครื่องหมาย =คลิกที่เซลล์
E6 แล้ว Enter จะปรากฏตัวเลข
45,095.00 ส่วนด้านเครดิต (J8) ใช้สูตร =Sum(J6:J7) แล้ว Enter หรือแดร็กเมาส์
แล้วคลิกที่ไอคอน จะปรากฏตัวเลข 45,095.00
|
6.2 การจัดทำงบการเงิน
งบการเงินธุรกิจการซื้อขาย
มีวัตถุประสงค์เช่นเดียวกับธุรกิจบริการ เพื่อแสดงถึงผลการดำเนินงาน และฐานะทางการเงินของธุรกิจของการสิ้นสุดรอบบัญชีหรือสิ้นงวดบัญชี
โดยจัดทำขึ้นอย่างน้อย ปีละหนึ่งครั้ง งบการเงินประกอบด้วย งบแสดงฐานะการเงิน งบกำไรขาดทุน
งบแสดงการเลี่ยนแปลงในส่วนของเจ้าของ
งบกระแสเงินสด และหมายเหตุการณ์ประกอบงบการเงิน
แต่ในที่นี้จะกล่าวถึงการจัดทำงบกำไรขาดทุน และงบแสดงฐานะการเงินเท่านั้น
6.2.1 งบกำไรขาดทุน
เป็นงบที่แสดงผลการดำเนินงานเมื่อสิ้นระยะเวลาหนึ่ง อาจกำหนดไว้ 1เดือน 3 เดือน 6 เดือนหรือ 1 ปี เดือนแล้วแต่กิจการนั้นๆได้กำหนดไว้ถ้าหากรายได้มากกว่าค่าใช้จ่ายก็จะเป็นกำไรแต่ถ้ารายได้น้อยกว่าค่าใช้จ่ายก็จำกลายเป็นขาดทุนนั้นเอง ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้บริหาร งบกำไรขาดทุนได้แก่ บัญชีรายได้และค่าใช่จ่าย ลักษณะที่แตกต่างกันระหว่างธุรกิจบริการกับธุรกิจการซื้อขาย
ได้แก่ บัญชีสินค้าคงเหลือและกำไรขั้นต้นที่คำนวณได้จากยอดขายกำไรสุทธิหักต้นทุนขายสามารถทำได้
2 แบบคือ
1 )
งบกำไรขาดทุนขั้นเดียว (Single –Steg
lncome Statement)
เป็นการวัดผลการดำเนินการโดยนำรายได้ทุกรายการหักออกจากค่าใช้จ่ายทุกรายการ เพื่อหากำไรหรือขาดทุนสุทธิ
2)
งบกำไรขาดทุนแบบหลายขั้น (Multiple-Step
lncome Statement )
เป็นการวัดการดำเนินจากรายได้หลัก เพื่อหากำไรข้างต้น โดยนำรายงานมาหักออกเป็นต้นทุนขายแล้วจึงนำหักค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ ผลต่างเป็นกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน และหักภาษีได้จะได้ผลกำไรหรือขาดทุนสุทธิ
ดังนั้น งบกำไรขาดทุนจึงต้องแสดงผลกำไรหลายขั้น ได้แก่ กำไรขั้นต้น
กำไรสุทธิจากการดำเนินงาน กำไรสุทธิจากการหักภาษีเงินได้ และกำไรขาดทุนสุทธิ
6.2.2 งบเเสดงฐานะการเงิน (statement of financial position)
งบแสดงฐานะการเงิน
(statement of financial position) หมายถึง การรายงานทางการเงินที่ทำขึ้นตามหลักการบัญชีที่รับรองทั่วไปเพื่อแสดงให้เห็นฐานะการเงินของกิจการ
ณ วันสิ้นงวด องค์ประกอบของงบแสดงฐานะการเงิน
จึงเป็นรายการที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการวัดฐานะการเงินของกิจการ ซึ่งได้แก่ สินทรัพย์
หนี้สิน และส่วนของเจ้าของ
6.3 การพิมพ์สมุดงานออกทางเครื่องพิมพ์
เมื่อจัดทำแบบฟอร์มและพิมพ์หัวข้อมูลต่างๆ
เป็นที่เรียบร้อย ก่อนพิมพ์ออกทางเครื่องพิมพ์ ควรมี การกำหนดพื้นที่ในการพิมพ์หรือดูตัวอย่างก่อนพิมพ์เพื่อให้ข้อมูลที่ต้องการมีความถูกต้องและสวยงาม
6.1.3 การตั้งค่าหน้ากระดาษ
เป็นการจัดรูปแบบของข้อมูลที่ต้องการสั่งพิมพ์
เช่น ระยะขอบ ขนาดกระดาษ หัวกระดาษ ท้ายกระดาษ ฯลฯ เพื่อให้ข้อมูลมีความสมบูรณ์และสวยงาม
ซึ่งหากไม่ได้กำหนดพื้นที่ ก่อนพิมพ์งานโปรแกรมจักตัดทำการแบ่งแผ่นงานออกเป็นส่วนๆ
เท่ากับของการตั้งค่ากระดาษที่ตั้งไว้ แล้วพิมพ์ออกมาให้ทั้งหมด ดังนั้น
หากต้องการพิมพ์บางส่วนของแผนงาน จะต้องกำหนดพื้นที่ที่จะสั่งพิมพ์งาน การตั้งค่าหน้ากระดาษ
ดังภาพ 6.9
1 คลิกเลือก Page Layout
2 เลือกปุ่ม Size
3 เลือกขนาดกระดาษ A4
4 คลิกปุ่ม View (มุมมอง)
5 คลิกปุ่ม Page Layout เพื่อดูตัวอย่างก่อนพิมพ์
6
แสดงตัวอย่างข้อมูลการพิมพ์บนกระดาษ
นอกจากรายการเลือกระยะขอบ (Marins) ตามที่แบบ Excel ที่เตรีมไว้แล้วนั้น
เรายังสามารถปรับขอลกระดาษได้อย่างอิสระ ดังภาพ 6.10
1 คลิกปุ่ม Margins (ระยะขอบ)
2 คลิกเลือก Custorm Margins (กำหนดขอบกระดาษ)
3 กำหนดระยะขอบกระดาษตามความต้องการทั้งด้าน
Top (บน) Bottom (ล่าง) Left (ซ้าย) และ Right (ขวา)
4 คลิกปุ่ม (ตัวอย่างก่อนพิมพ์)
6.3.2 การกำหนดหัวกระดาษหรือท้ายกระดาษ
แท็บเป็นหัวกระดาษหรือท้ายกระดาษ (Header/Footer) การกำหนดหัวกระดาษหรือข้อความหัวกระดาษและท้ายกระดาษ การกำหนดเลขหน้า
ข้อความบางข้อความ เพื่อให้ปรากฏบนเอกสารทุกๆ หน้าได้โดยกำหนดไว้ที่แนวหัวกระดาษ
เช่น ต้องการให้หัวกระดาษปรากฏ “การบัญชีกับคอมพิวเตอร์” และเลขหน้า
คลิกหัวกระดาษกำหนดเอง แล้วพิมพ์ในส่วนที่ต้องการ ดังภาพ 6.11
1 คลิกปุ่ม Custom Header …. หรือ
Custom Footer
2 เลือกส่วนที่จะพิมพ์ตามส่วนที่ต้องการ
เช่น ต้องการใส่หัวกระดาษปรากฏคำว่า “การบัญชีกับคออมพิวเตอร์”
3 หรือเลือกคำสั่งที่ Excel เตรียมไว้เพื่อเติมข้อมูลอื่นๆ เช่นรูปแบบตัวอักษร เลขหน้า
วันที่ ชื่อไฟล์ ฯลฯ
4คลิกปุ่ม ok
6.3.3 การตั้งค่าหน้ากระดาษแผ่นงาน
1 เลือกพื้นที่หัวข้อเรื่องที่ต้องการพิมพ์ซ้ำด้านบน
2 คลิกที่แท็บ Sheet (แผ่นงาน)
3 คลิกเลือกที่ช่อง Rows to
Repeat at top (แถวที่จะเพิ่มซ้ำด้านบน)
4 คลิกปุ่ม ok
6.3.4 การเรียกดูสุดก่อนพิมพ์งาน
เป็นการตรวจสอบงานก่อนพิมพ์งานออกกระดาษ
โดยการทำการตรวจสอบงานทางหน้าจอก่อนผลลัพธ์ที่ได้จากหน้าจอจะเหมือนกับการพิมพ์ออกทางเครื่องพิมพ์
หากผิดพลาดจะทำได้แก้ปัญหาได้ ดังนั้นการตรวจสอบงานก่อนการคำสั่งพิมพ์สามารถทำได้
ดังภาพที่ 6.13
1 คลิกปุ่ม office Button
2 เลือกคำสั่ง Print (พิมพ์)
3 เลือก Preview (ตัวอย่างก่อนพิมพ์)
หลังจากการตรวจสอบความถูกต้องของการพิมพ์และการแบ่งหน้ากระดาษของแผนงาน
หากมีข้อมูลจำนวนมาก และปรากฏว่าข้อมูลบางส่วนไม่อยู่ภายในหน้าเดียวกัน และใช้วิธีการย่อสัดส่วนลง
เพื่อให้เห็นภาพ ของรายงานทั้งหมด
เพื่อให้เห็นว่างานมีความถูกต้องและสวยงามจึงพิมพ์ออกทางเครื่องพิมพ์
เพื่อลดความสิ้นเปลืองของกระดาษที่ใช้ในการพิมพ์อีกด้วย
6.3.5 การพิมพ์สมุดงานออกทางเครื่องพิมพ์
เมื่อกำหนดส่วนต่างๆ ของแผนงานและตรวจสอบความเรียบร้อย
ต้องการพิมพ์งานออกทางเครื่องพิมพ์ จะแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ
1) การพิมพ์สมุดงานบางส่วน
กรณีนี้ก่อนจะสั่งพิมพ์ต้องลากเมาส์ให้คลุมเซลล์ที่ต้องการ
แต่ต้องอยู่ในขอบเขตของกระดาษที่ผู้ใช้ตั่งค่าไว้ ดังภาพที่ 6.14
1 คลุมเซลล์ที่ต้องการพิมพ์
2 คลิกปุ่ม office Button
3 คลิกคำสั่ง
Print Print
4 คลิกเลือกรุ่นเครื่องพิมพ์
(Printer Name) ที่ใช้งาน
5
เลือก Print What (สิ่งที่ต้องการพิมพ์) คลิกเลือก Selector (ส่วนเลือก)
6 กำหนดจำนวนสำเนา (Nunmber of copies)
7 คลิกปุ่ม
ok
2.)การพิมพ์สมุดงานทั้งหน้า
เมื่อต้องการใช้ตั้งหน้ากระดาษเรียบร้อยแล้ว
จะมองเห็นขออบเขต ของข้อมูลที่ปรากฏของแต่ละหน้า
ผู้ใช้ต้องการสั่งพิมพ์ออกทางเครื่องพิมพ์ ดังภาพ 6.15
1 คลิกปุ่ม
office Button
2 คลิกคำสั่ง
Print Print
3 คลิกเลือกรุ่นเครื่องพิมพ์
(Printer Name) ที่ใช้งาน
4 เลือก
Rrint Range (ช่วงที่ต้องการพิมพ์) คลิกเลือก Page
Form (ระบุที่ต้องการพิมพ์)
5 กำหนดจำนวนสำเนา
(Nameber of copies)
6 คลิกปุ่ม
ok
ไม่มีความคิดเห็น:
ไม่อนุญาตให้มีความคิดเห็นใหม่